บทความ

ดอกเบี้ย MLR MOR MRR คืออะไร ควรรู้ก่อนขอสินเชื่อบ้าน

ดอกเบี้ย MLR MOR MRR คืออะไร

การทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยเป็นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อบ้าน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ธนาคารใช้ว่า MLR MOR MRR คืออะไร ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างและส่งผลต่อภาระการผ่อนชำระที่แตกต่างกัน บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดของอัตราดอกเบี้ยแต่ละประเภท เพื่อให้เราเข้าใจและเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุด

ดอกเบี้ย MLR MOR MRR คืออะไรและต่างกันอย่างไร

MLR MOR MRR คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารใช้อ้างอิงในการคิดดอกเบี้ยเงินกู้มีหลายประเภท แต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้ากลุ่มที่แตกต่างกัน และมีเงื่อนไขการพิจารณาที่ต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้ จะช่วยให้เราเลือกสินเชื่อได้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของตนเอง

MLR คืออะไร

MLR คือ อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานที่ธนาคารใช้กับลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือสูง อัตรานี้มักใช้กับสินเชื่อระยะยาวที่มีกำหนดเวลาชำระคืนแน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อการลงทุน หรือสินเชื่อเพื่อขยายกิจการ ธนาคารจะพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งประวัติการเงิน มูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน และความสามารถในการชำระหนี้ อัตรา MLR มักจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยประเภทอื่นเพราะมีความเสี่ยงต่ำ

MOR คืออะไร

MOR คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารใช้สำหรับวงเงินเบิกเกินบัญชี หรือ OD (Overdraft) ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เพราะลูกค้าสามารถเบิกถอนเงินได้ตลอดเวลาตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ธนาคารจึงมีเกณฑ์การพิจารณาที่เข้มงวด ทั้งคุณสมบัติผู้กู้ ประวัติทางการเงิน และหลักประกัน อัตรา MOR มักสูงกว่า MLR เพื่อครอบคลุมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และมักใช้กับธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้เงินทุนหมุนเวียน

MRR คืออะไร

MRR คือ อัตราดอกเบี้ยที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้ารายย่อยโดยเฉพาะ เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อรถยนต์ อัตรานี้จะสูงกว่า MLR เนื่องจากลูกค้ารายย่อยมักมีความเสี่ยงสูงกว่าลูกค้าธุรกิจ แต่ธนาคารจะพิจารณาจากรายได้ประจำ ความสามารถในการผ่อนชำระ และประวัติทางการเงิน การคิดดอกเบี้ย MRR มักมีการปรับเปลี่ยนตามสภาวะตลาดและนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย

วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้

วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้

การคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้มีหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีผลต่อจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระแตกต่างกัน การเข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ยจะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้ดีขึ้น และเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระ

ดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate)

การคิดดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่เป็นวิธีที่เข้าใจง่ายที่สุด โดยคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นเต็มจำนวนตลอดระยะเวลากู้ แม้ว่าจะผ่อนชำระไปแล้วบางส่วน ทำให้ค่างวดเท่ากันทุกเดือน วิธีนี้มักใช้กับสินเชื่อระยะสั้น เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แม้จะดูเหมือนมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า แต่เมื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริงตลอดสัญญาจะสูงกว่าแบบลดต้นลดดอก โดยสูตรการคำนวณมี ดังนี้ 

เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x ระยะเวลา = ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องชำระให้ธนาคาร 

ยกตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่

สมมติว่าเรากู้เงิน 1,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี ระยะเวลา 5 ปี

การคำนวณ  1,000,000 x 6% x 5 = 300,000 บาท (ดอกเบี้ยทั้งหมด)

ดังนั้น 

  • เงินต้นที่ต้องชำระ = 1,000,000 บาท
  • ดอกเบี้ยที่ต้องชำระ = 300,000 บาท
  • รวมเงินที่ต้องชำระทั้งหมด = 1,300,000 บาท
  • ค่างวดต่อเดือน = 1,300,000 ÷ 60 เดือน = 21,667 บาท

ทุกเดือนจะจ่ายค่างวดเท่ากัน แม้ว่าจะผ่อนชำระเงินต้นไปแล้วบางส่วน ซึ่งต่างจากแบบลดต้นลดดอกที่ค่างวดจะลดลงตามเงินต้นที่เหลือ

ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)

การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเป็นวิธีที่ยุติธรรมกว่าสำหรับผู้กู้ เพราะคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือ เมื่อชำระเงินต้นไปแล้วเท่าไร ดอกเบี้ยงวดถัดไปก็จะลดลงตามสัดส่วน วิธีนี้นิยมใช้กับสินเชื่อระยะยาว เช่น สินเชื่อบ้าน ทำให้ผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยรวมน้อยกว่าแบบเงินต้นคงที่ แต่ค่างวดในช่วงแรกจะสูงกว่าเพราะมีสัดส่วนดอกเบี้ยมากกว่า โดยสูตรการคำนวณมี ดังนี้ 

ค่างวดต่อเดือน – ดอกเบี้ยต่องวด = เงินต้นต่อเดือนที่ชำระ

ยกตัวอย่างการคำนวณแบบลดต้นลดดอก

สมมติว่าเรากู้เงิน 2,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี (หรือ 0.5% ต่อเดือน) ระยะเวลา 30 ปี (360 งวด) ค่างวดคงที่เดือนละ 12,000 บาท

การคำนวณงวดที่ 1

  • ยอดเงินต้น = 2,000,000 บาท
  • ดอกเบี้ยต่องวด = 2,000,000 x 0.5% = 10,000 บาท
  • เงินต้นที่ชำระ = 12,000 – 10,000 = 2,000 บาท
  • เงินต้นคงเหลือ = 1,998,000 บาท

การคำนวณงวดที่ 2

  • ยอดเงินต้น = 1,998,000 บาท
  • ดอกเบี้ยต่องวด = 1,998,000 x 0.5% = 9,990 บาท
  • เงินต้นที่ชำระ = 12,000 – 9,990 = 2,010 บาท
  • เงินต้นคงเหลือ = 1,995,990 บาท

จะเห็นว่าแม้ค่างวดเท่าเดิม แต่สัดส่วนการชำระเงินต้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ดอกเบี้ยจะลดลง เพราะคำนวณจากเงินต้นคงเหลือ

MLR MOR MRR คืออะไร

การทำความเข้าใจ MLR MOR MRR คืออะไร และคำนวณดอกเบี้ยก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อ จะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสมและเลือกสินเชื่อที่ตรงกับความต้องการ แต่ก่อนที่จะไปคำนวณดอกเบี้ยกันนั้นการเลือกที่อยู่อาศัยได้ตรงใจนั้นต้องใช้เวลามากกว่า สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยคุณภาพสามารถเยี่ยมชม คอนโดดรีม กาญจนบุรี โครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริงจาก CP Land ได้เลย