ซื้อบ้านหลังแรกต้องมีเงินเท่าไหร่ คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนตัดสินใจ

การซื้อบ้านหลังแรกถือเป็นก้าวสำคัญในชีวิตที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ซื้อบ้านหลังแรกต้องมีเงินเท่าไหร่จึงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะนอกจากราคาบ้านแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมไว้ทั้งก่อนและหลังการโอนกรรมสิทธิ์ การทำความเข้าใจเรื่องเงินดาวน์ วงเงินกู้ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม และได้บ้านที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในระยะยาว

ซื้อบ้านหลังแรกต้องมีเงินเท่าไหร่

การซื้อบ้านหลังแรกต้องมีเงินเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละคน ธนาคารจะพิจารณาจากรายได้ประจำและภาระหนี้ที่มีอยู่เพื่อประเมินวงเงินกู้ที่เหมาะสม โดยทั่วไปธนาคารจะให้วงเงินกู้ประมาณ 70-90% ของราคาบ้าน ส่วนที่เหลือเราต้องรับผิดชอบเป็นเงินดาวน์ 10-30% นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อีกประมาณ 5-10% ของราคาบ้าน ซื้อบ้านหลังแรกต้องมีเงินเท่าไหร่จึงต้องคำนวณจากราคาบ้านที่สนใจและความพร้อมทางการเงินของเราเป็นหลัก

วิธีคำนวณความสามารถในการกู้และวงเงินกู้ซื้อบ้าน

การที่จะรู้ว่าซื้อบ้านหลังแรกต้องมีเงินเท่าไหร่ เราควรประเมินความสามารถในการกู้และวงเงินที่เราจะได้รับจากธนาคาร เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถผ่อนบ้านได้อย่างสบายใจในระยะยาว โดยไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

คำนวณความสามารถในการชำระหนี้เพื่อเตรียมผ่อนบ้าน

การคำนวณความสามารถในการชำระหนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะตอบคำถามว่าซื้อบ้านหลังแรกต้องมีเงินเท่าไหร่ โดยธนาคารจะพิจารณาจากรายได้และภาระหนี้ทั้งหมด ตามสูตร (เงินเดือน x ภาระหนี้ 40%) – หนี้สินปัจจุบัน = ความสามารถผ่อนชำระหนี้ต่อเดือน

ตัวอย่าง หากเรามีเงินเดือน 50,000 บาท ความสามารถในการชำระหนี้จะอยู่ที่ 20,000 บาท (50,000 x 40%) ถ้ามีภาระหนี้อยู่แล้ว 5,000 บาทต่อเดือน แสดงว่าเรามีความสามารถในการผ่อนบ้านได้ 15,000 บาทต่อเดือน

คำนวณประมาณการวงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้

เมื่อทราบความสามารถในการผ่อนต่อเดือนแล้ว เราสามารถคำนวณวงเงินกู้ที่น่าจะได้รับจากธนาคาร โดยใช้สูตร (ความสามารถผ่อนชำระหนี้บ้านต่อเดือน x 1,000,000) / 7,000 บาท = ประมาณการวงเงินกู้สูงสุด

จากตัวอย่างข้างต้น หากเรามีความสามารถผ่อนบ้านได้ 15,000 บาทต่อเดือน จะสามารถกู้ได้ประมาณ (15,000 x 1,000,000) / 7,000 = 2,142,857 บาท นั่นหมายความว่าเราควรมองหาบ้านในราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท เพื่อให้สามารถผ่อนได้อย่างสบาย

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ควรรู้ก่อนซื้อบ้าน

นอกจากเงินดาวน์และค่าผ่อนบ้านแล้ว ยังต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ทั้งก่อนและหลังการโอนกรรมสิทธิ์ บางรายการอาจมองข้ามไปแต่มีความสำคัญ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง หรือค่าตกแต่งบ้าน ซึ่งรวมกันแล้วอาจสูงถึง 10-15% ของราคาบ้าน การวางแผนและเตรียมเงินให้พร้อมจะช่วยให้กระบวนการซื้อบ้านราบรื่น

ค่าใช้จ่ายก่อนโอนกรรมสิทธิ์

สำหรับค่าใช้จ่ายก่อนโอนกรรมสิทธิ์นั้น เราต้องเตรียมเงินไว้หลายรายการ เริ่มตั้งแต่ค่าจองบ้าน ค่าทำสัญญา ไปจนถึงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้าน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้มักเป็นเงินก้อนที่ต้องจ่ายทันทีและไม่สามารถนำไปรวมในวงเงินกู้ได้ จึงควรเตรียมเงินสดให้พร้อม รายการค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมมีดังนี้

• ค่าจองและเงินทำสัญญา 50,000-100,000 บาท
• ค่าประเมินหลักประกัน 3,000-5,000 บาท
• ค่าตรวจสอบโฉนดที่ดิน 200-1,000 บาท
• ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้
• ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้
• ค่าประกันอัคคีภัย 0.07% ของทุนประกัน

 ค่าใช้จ่ายหลังโอนกรรมสิทธิ์

สำหรับค่าใช้จ่ายหลังโอนกรรมสิทธิ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัย ทั้งการติดตั้งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน การตกแต่งบ้าน และการจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงควรวางแผนการเงินให้รอบคอบและอาจเตรียมวงเงินสำรองไว้ด้วย รายการค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมมีดังนี้

• ค่าติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า 5,000-10,000 บาท
• ค่าติดตั้งมิเตอร์น้ำประปา 3,000-5,000 บาท
• ค่าตกแต่งบ้าน ตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป
• ค่าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป
• ค่าย้ายบ้าน 5,000-20,000 บาท

ซื้อบ้านหลังแรกต้องมีเงินเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งราคาบ้าน ความสามารถในการผ่อนชำระ และค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียม การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้เราได้บ้านที่เหมาะสมกับความต้องการและกำลังซื้อ สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านคุณภาพดี ทำเลดี ราคาเหมาะสม สามารถเข้าชมโครงการลักซ์ริวา เรสซิเดนเซสและทัสคานี มีนบุรี ประชาร่วมใจ จาก CP Land ที่พร้อมดูแลลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนได้บ้านในฝัน